Sunday 5 March 2017

ประกาศย้ายบลอก

สวัสดีค่า

เนื่องจากทุกคนดูมีปัญหากับการคอมเมนต์ในบลอกสปอต (เราเองด้วย ลองเองยังคอมเมนต์ไม่ได้เลย) ก็เลยจะย้ายไปที่เวิร์ดเพรสแทนนะคะ

>>> https://velvetronica.wordpress.com/

หลังจากย้ายข้อมูทุกอย่างเสร็จ บลอกนี้ก็คงจะปิดตัวลงค่ะ สามารถติดตามงานเขียนของเราต่อได้ทางนู้นเลยนะคะ ขอบคุณค่า

Friday 3 March 2017

[QZGS-OS] Always protect you (หานจาง :: หานเหวินชิงxจางซินเจี๋ย)

[QZGS-OS] Always protect you (หานจาง :: หานเหวินชิงxจางซินเจี๋ย)


**spoiled alert เนื้อหาเล่ม5ค่ะ**


แสงสว่างจ้าจากคมดาบที่กวาดออกไปเป็นวงเสี้ยวร่วมกับกระสุนปืนซึ่งกราดซ้ำเข้ามาส่งผลให้ตัวละครนั้นโดนผลักกระเด็นออกไป แต่ไม่ทันจะได้ขยับหลบหรือโจมตีสวนตัวละครจอมยุทธ์ดาบก็พุ่งเข้ามาประชิดและมอบชุดการโจมตีอันเป็นเอกลักษณ์ให้อย่างเข้าเป้าไม่มีพลาด

พลังชีวิตอันน้อยนิดของอาชีพนักบวชลดฮวบฮาบจนหมดหลอดได้ทันทีในพริบตาพร้อมกับตัวละครสือปู้จ่วนล้มลงเป็นคนที่สามของสมาชิกทีมสอง


“เบามือได้แล้ว” ข้อความจากกัปตันทีมทำเอาหวงเส้าเทียนหัวเราะเหอๆ ในลำคอ


จริงอยู่ที่งานออลสตาร์แบบนี้พวกเขาไม่ควรจะจริงจังมากไป แค่รุมตีกันเป็นงานโชว์จำอวดเน้นเอามันเน้นความอลังการก็พอ...แต่สถานการณ์นี้มันไม่ใช่น่ะสิ


“ไปบอกเหล่าหานก่อนมั้ย ร่างคลั่งแล้ว ร่างคลั่งแล้ว” เขาตอบข้อความของอวี้เหวินโจวไปก่อนจะเร่งความเร็วมือเข้ารับมือกับราชาหมัดมวยที่พุ่งฝ่ากำแพงน้ำแข็งของฉู่หยุนซิ่วเข้ามาสำเร็จในที่สุด


สำหรับนักกีฬาอาชีพ กฎเกณฑ์หนึ่งที่พวกเขารู้โดยทั่วกันก็คือเงื่อนไขร่างคลั่ง...ร่างคลั่งของหานเหวินชิงไม่ได้มาตอนเลือดแดงอย่างบอสทั้งหลายในเกมกลอรี่ แต่มันจะปรากฎเมื่อนักบวช ‘ของเขา’ ล้มลง

อีหรอบนี้แล้ว...หวงเส้าเทียนเล่นเต็มที่ก็ใช่ว่าจะกดอีกฝ่ายลง ชายหนุ่มหัวเราะแห้งเหือดก่อนจะตัดสินใจพุ่งชนแบบไม่สนแผนการอะไร ยังไงนี่มันก็แค่ออลสตาร์ เขาเห็นความจริงจังเบอร์นี้ของอีกฝ่ายก็เร่งความเร็วมือขึ้นอีกแต่ไม่ได้รู้สึกดุเดือดเลือดพล่านอย่างตอนแรกแล้ว

เอาล่ะๆ ยังไงเขาก็คงโดนทุบแหลกอยู่แล้ว ยอมให้อีกฝ่ายได้ระบายอารมณ์หน่อยไม่เสียหาย หวงเส้าเทียนส่งข้อความบอกลากัปตันทีมตัวเองก่อนจะยอมรับการที่ร่างของเยี่ยอวี่เซิงฝานล้มลงกลางสนามด้วยใจสงบ


แต่เสี้ยววินาทีก่อนจังหวะนั้น อวี้เหวินโจวก็ส่งหน้ายิ้มปลอบใจกลับมาให้

...อันนี้ต่างหากที่ทำให้หวงเส้าเทียนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน





บรรยากาศงานออลสตาร์จบลงอย่างสวยงามท่ามกลางความยินดีของเหล่าผู้เกี่ยวข้อง แม้การสัมภาษณ์จะทุลักทุเลตามสภาพเจ้าบ้านแต่ก็จบลงด้วยดีพร้อมกับประเด็นต่างๆ ที่สามารถมาปั้นข่าวสร้างกระแสได้อีกเป็นเดือนๆ

สโมสรต่างๆ เมื่อเสร็จงานก็ต่างแยกย้ายกลับที่พักใครที่พักมัน บางแห่งที่เดินทางใกล้หน่อยก็เลือกกลับมันคืนนี้เลย แต่สำหรับสโมสรป้าถูพวกเขาได้จองโรงแรมพักในเมือง S เพิ่มอีกคืนหนึ่งแล้วค่อยเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้

หลายๆ คนเคยได้ยินประธานสโมสรเอ่ยถึงเรื่องนี้ลอยๆ เกี่ยวกับสุขภาพของนักกีฬาสำคัญที่สุด พวกเขาควรจะได้นอนได้ตื่นเป็นเวลา...แต่ทำไมเสียงของเขายามพูดประโยคดีๆ เหล่านี้กลับสั่นคลอนราวกับถูกข่มขู่มาอย่างไรอย่างนั้นก็ไม่อาจคาดเดา


บรรยากาศบนรถขณะกลับโรงแรมนั้นอึมครึมสิ้นดี แม้สมาชิกในสโมสรจะรู้ดีว่างานออลสตาร์มันก็แค่การแข่งโชว์แต่ก็รู้ดีอย่างยิ่งว่ากัปตันของพวกเขาจริงจังเสียขนาดไหน ท่าทางทะมึนแบบนั้นไม่มีลูกทีมคนไหนเข้าหน้าติดนอกจากจางซินเจี๋ยที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างสงบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

พอถึงโรงแรมหานเหวินชิงก็เดินเร็วๆ ออกไปทันทีไม่รอใคร ทุกคนต่างหันมามองรองกัปตันเลิกลั่กแต่ชายหนุ่มก็แค่ลุกขึ้นเดินตามไปช้าๆ ไม่ได้เร่งรีบ ไม่ได้แสดงท่าทางกังวลใดๆ





“ฉันเอง”


จางซินเจี๋ยเคาะประตูห้องอีกฝ่ายพร้อมกับร้องบอกสั้นๆ รออยู่ไม่กี่อึดใจประตูก็ถูกกระชากพร้อมกับแรงมหาศาลที่ฉุดตัวเขาเข้าไปด้านใน

ชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองถูกท่อนแขนแข็งแกร่งรัดจนแทบหายใจไม่ออก แต่เขากลับไม่คิดจะออกปากทักท้วงอะไร เพียงแต่พิงหน้าผากลงกับไหล่กว้างแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายคลายความเครียดที่สะสมอยู่


ในบรรดานักกีฬาลีกอาชีพ อาชีพสายสนับสนุนมักจะถูกมองเป็นหมากตัวรองจากคนดูเสมอ ยิ่งเป็นอาชีพนักบวชที่แทบไม่มีสกิลทำแดเมจอะไรยิ่งจืดจางเข้าไปใหญ่ แม้แต่นักกีฬากันเองอย่างเยี่ยชิวอาชีพนักบวชก็ไม่ได้อยู่ในสายตา แต่สำหรับสโมสรป้าถู...สือปู้จ่วนคือตัวละครที่ขาดไม่ได้ แต่การที่อาชีพนักบวชจะยืนอยู่ในจุดนี้ได้คนที่ต้องยืนอยู่เคียงข้างกันคือต้าม่อกูเยียน

สือปู้จ่วนจะไม่ถูกใครทำร้ายหากมีต้าม่อกูเยียน ในขณะที่ต้าม่อกูเยียนก็จะไม่ล้มถ้ามีสือปู้จ่วน


ภายใต้ภาพลักษณ์โผงผาง หานเหวินชิงกลับยึดติดเรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้ยิ่งกว่าใคร จางซินเจี๋ยรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังสั่นไหวแค่ไหนกับการที่เขาล้มลง


มันก็แค่งานออลสตาร์...คำปลอบงี่เง่าแบบนั้นจะไม่มีวันพูดมันออกมา เพราะเขารู้ดีว่าคนตรงหน้าจริงจังเสมอกับการปกป้องเขา


“ฉันคิดผิดเอง ครั้งนี้แพ้ให้อวี้เหวินโจวแล้ว”


จางซินเจี๋ยพูดขึ้นเมื่อแรงรัดรอบตัวคลายลง น้ำเสียงจริงจังนั้นทำให้หานเหวินชิงไปต่อไม่ถูกเอาดื้อๆ สุดท้ายจึงได้แต่จูงมืออีกฝ่ายมานั่งลงบนเตียง

มือที่กุมกันยังคงสั่นอยู่นิดหน่อย พอสัมผัสได้แบบนั้นเขาจึงดึงมือหยาบกร้านจากการฝึกซ้อมอย่างหนักขึ้นมาแนบแก้ม ทั้งคู่สบตากันในความเงียบงัน ปล่อยให้ความรู้สึกทั้งหลายทั้งมวลตกตะกอนลงอย่างช้าๆ พวกเขาอยู่ด้วยกันมานานจนคำพูดใดๆ ก็ไม่สำคัญอีกต่อไป


วัยของหานเหวินชิงเลยจุดสูงสุดในฐานะนักกีฬาอีสปอร์ตแล้ว ความเสื่อมถอยของการควบคุมมือนั้นคนที่รู้ดีที่สุดย่อมเป็นจางซินเจี๋ย แต่เขาก็ยังยืนยันจะอยู่ตรงนี้แม้ต้าม่อกูเยียนจะปกป้องสือปู้จ่วนไม่ได้อีกต่อไป

...เพราะสือปู้จ่วนก็ยืนอยู่ตรงนี้เพื่อปกป้องต้าม่อกูเยียนเช่นกัน



TALK

สวัสดีค่า
ฮรึกกกกกกกกกกกกกกกกกก ทุกคนคะ!!!! ความหานจางของเล่มห้า!!!!! //หวีดใส่หนังสือ// ไม่ไหวแล้วค่ะ มันดีงามอะไรเบอร์นี้ ฮือออออออ //ล้มลงนอนตายอย่างมีความสุข
เราชอบฉากงานออลสตาร์มากมากมากมากมาก พิหานพิจางน่ารักเกินไปแล้ว พิจางบ่นถึง พิหานก็โผล่มา พอพิหานจะแย่ พิจางก็เข้ามาช่วย ว้อยยยยยย ดีเกินไปแล้วววววววววว //ตบโต๊ะ
ฮืออออออออ ไม่ไหวแล้วค่ะ หัวใจทำงานหนักมาก ฉากนี้ในเล่มนี่ทำเอาเราตายยยย ตายไปเลยยยยยยยย //กุมหัวใจแล้วลงไปนอนตาย
มาค่ะทุกคน มาสครีมหานจางกันเถอะค่ะ T _ T )b

Tuesday 14 February 2017

[QZGS-OS] dark chocolate (หานจาง :: หานเหวินชิงxจางซินเจี๋ย)

[QZGS-OS] dark chocolate (หานจาง :: หานเหวินชิงxจางซินเจี๋ย)


ในวันเทศกาลแห่งความรัก...สโมสรป้าถูเองก็มีของขวัญจำนวนมากส่งตรงมาให้ถึงที่ไม่ต่างจากสโมสรอื่นๆ กล่องของแต่ละคนถูกคัดแยกส่งไปตามห้องต่างๆ ตามป้ายชื่อหลังจากผ่านการคัดกรองอย่างรอบคอบแล้ว

จางซินเจี๋ยก้มลงหยิบกล่องกระดาษที่หน้าห้องขึ้นมาถือด้วยมือเดียวก่อนจะไขเปิดประตูห้องพักตัวเองเข้าไป แต่ก่อนที่จะงับบานประตูปิดก็มีแรงดันต้านจากด้านนอก พอเห็นว่าเป็นหานเหวินชิงเขาก็ไม่ได้ถามอะไร ปล่อยให้อีกฝ่ายเดินตามเข้ามา

ชายหนุ่มวางกล่องลงบนโต๊ะก่อนจะหยิบขึ้นมาดูทีละชิ้น ปล่อยให้ผู้บุกรุกเอนตัวลงบนเตียงตัวเองอย่างคร้านจะบ่น...ยังไม่อาบน้ำแท้ๆ ทำไมถึงนอนบนเตียงได้ เรื่องนี้เขากับหานเหวินชิงเถียงกันมาหลายปีแล้วก็ยังไม่ได้ข้อตกลงร่วมกันเสียที


จางซินเจี๋ยเป็นคนละเอียดอ่อน สำหรับของที่แฟนคลับให้เขาจะแกะห่ออ่านการ์ดทุกใบด้วยตัวเอง และแกะห่อด้วยการใช้คัตเตอร์กรีดตามแนวเทป คลี่กระดาษห่อออกมาพับอย่างดี...แม้สุดท้ายมันก็จะถูกทิ้งก็ตาม

ด้วยพิธีการเหล่านี้การแกะของขวัญจึงเป็นไปอย่างเนิบนาบ หานเหวินชิงนอนมองจนเบื่อแล้วจึงหยิบกล่องช็อกโกแลตขึ้นมาพลิกดูเล่นๆ


"กินได้นะ" เจ้าของตัวจริงเอ่ยอนุญาตสั้นๆ แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยากกิน


จางซินเจี๋ยเป็นคนไม่กินขนมหวาน เช่นเดียวกับหานเหวินชิง นี่คือหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่รสนิยมของพวกเขาไปในทิศทางเดียวกันอย่างแท้จริงแม้จะแฝงด้วยเหตุผลคนละทาง

เขาไม่กินเพราะเรื่องสุขภาพ...ส่วนอีกฝ่ายแค่ไม่ชอบรสชาติหวาน


"ไม่ล่ะ น่าจะหวาน" กัปตันทีมตอบ แม้บนกล่องจะเขียนว่า 91% cacao extra dark chocolate ก็ตาม

"อืม"

"แต่ถ้านายป้อนฉันจะกิน"


จางซินเจี๋ยเกือบจะทำคัตเตอร์บาดนิ้วตัวเอง เขาเลื่อนเก็บใบมีดก่อนจะวางมันลงทันทีแล้วหันกลับไปมองเจ้าของประโยคเมื่อครู่

หานเหวินชิงจ้องตอบมาตรงๆ ไม่มีสีหน้าอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ก็ไม่ยอมหลบตาไปไหนจนรองกัปตันต้องเอื้อมไปแกะกล่องช็อกโกแลตแล้วหยิบขึ้นมาใส่ปากอีกฝ่ายในที่สุด


"หวานมั้ย"


ไม่ทันจะเอ่ยถามจบประโยคก็มีแรงมหาศาลดึงตัวเขาลอยไปตกบนเตียงพร้อมริมฝีปากที่แนบลงมา รสชาติขมติดลิ้นถูกป้อนมาให้ชิมพร้อมกับแผ่นหลังที่ถูกดันลงกับเตียงนุ่ม ช็อกโกแลตกับจูบผสมกันจนไม่แน่ใจว่าความหวานที่เจือมาคือรสชาติของอะไร

จางซินเจี๋ยอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็โดนงับเบาๆ ตรงริมฝีปากล่างเป็นการห้าม พร้อมกับน้ำหนักกดทับลงมาจนเขาได้แต่คิดอย่างปลงตก


โอเค โอเค...เขาจะลืมเรื่องที่ต้องอาบน้ำก่อนนอนบนเตียงไปก่อนก็ได้




::TALK::

สวัสดีค่าาาาาา

เฉพาะกิจ ไม่มีอีเวนต์อะไรทั้งนั้นแต่อยากจะเขียน ฮรึก คิดตึ๋งพิจาง + อยากเขียนวาเลนไทน์แบบคู่สามีภรรยา(...)

จริงๆอยากจะเขียนเป็นเรื่องยาวกว่านี้แต่หมดพลังแบ้ว ฮือ เทศกาลหนูจะแก้ตัวนะคะพี่จาง

หวังว่าจะถูกใจกับหานจางวาเลนไทน์นะค้า ขอบคุณค่า

[QZGS-SF] white chocolate (ชุนหลาน :: ชุนอี้เหล่าxหลานเหอ)

[QZGS-SF] white chocolate (ชุนหลาน :: ชุนอี้เหล่าxหลานเหอ)



บ่ายวันหนึ่งที่อากาศเริ่มอุ่นขึ้นเล็กน้อย กล่องของขวัญจำนวนมากกองอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องพักรวม บ้างโดนแกะออกแล้วบ้างยังคงอยู่ในสภาพเดิม ถูกคัดแยกไว้เป็นกองๆ อย่างไม่ค่อยมีคนใส่ใจ


“ปีนี้ก็ลำบากคุณอีกแล้ว” ถ้อยคำสุภาพเอ่ยขึ้นทำให้ชายหนุ่มที่ก้มหน้าจัดของลงกล่องกระดาษต้องเงยหน้าขึ้นตามเสียง รอยยิ้มของกัปตันทีมหลานอวี่ทำให้เขารู้สึกเกรงใจ

“...อันที่จริงผมต่างหากที่ต้องบอกขอบคุณ”

“ขอบคุณอะไร ขนมหวานกองโตขนาดนี้ใครจะกินหมด ยกไปเป็นภาระทางนั้นชัดๆ” อวี้เหวินโจวหัวเราะพลางมองมองของในมืออีกฝ่าย “แต่ก็ฝากด้วยแล้วกัน ทิ้งไว้ที่นี่ก็ไม่มีคนสนใจเท่าไหร่ เสียดายของ ช็อกโกแลตแพงๆ ทั้งนั้นเลย”


เหลียงอี้ชุนยิ้มแห้งตอบก่อนจะหันไปมองกล่องของขวัญกองพะเนินในห้องด้วยสายตาลำบากใจ

วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์...ใช่ วันวาเลนไทน์ ดังนั้นกล่องของขวัญมากมายเหล่านี้ย่อมคือของขวัญวาเลนไทน์ที่เหล่าแฟนคลับหลานอวี่ส่งมาเป็นบรรณาการแก่นักกีฬาในดวงใจของตน

ป้ายชื่อหวงเส้าเทียนจำนวนมากแปะหราอยู่กับของขวัญชิ้นใหญ่บ่งบอกดีกรีความฮอตสมกับเป็นนักกีฬาไพ่ราชาประจำทีม อวี้เหวินโจวเองก็ได้รับของขวัญอยู่ไม่น้อยแต่แฟนคลับของกัปตันก็ย่อมเป็นคนสุภาพเรียบร้อยเช่นกัปตัน กล่องพวกนั้นมักจะดูสวยเรียบหรูขนาดเล็กแต่ดูมีมูลค่า นี่ไม่ใช่ปีแรกที่เหลียงอี้ชุนโดนเรียกมาขนขนมหวานจำนวนมากกลับไปแบ่งที่ที่ทำการกิลด์หลานซีเก๋อ เขาจึงเริ่มคุ้นเคยกับของพวกนี้แล้ว

พูดไปแล้วก็สงสารแฟนคลับอยู่เหมือนกัน ของจำนวนมากแบบนี้คนรับยังดูไม่หมดด้วยซ้ำ หวงเส้าเทียนกับหลี่หย่วนเล่นเฮฮาผลัดกันแกะมาอวดได้ครึ่งวันก็เบื่อ วิ่งกลับไปซ้อมต่อแล้ว


“งั้นผมไปก่อนนะครับ”


อวี้เหวินโจวเดินมาส่งเล็กน้อยตามมารยาทก่อนจะบอกลาแล้วแยกย้ายกันไป คล้อยหลังไปไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงที่ทุกคนในสโมสรคุ้นหูดังแว่วมาตามทางเดิน


“นายเห็นกองที่ฉันยังไม่ได้แกะหรือเปล่า แปลกจัง เหมือนวางไว้ตรงนี้ ตรงนี้เนี่ย มันต้องเป็นตรงนี้แน่ๆ”

“นายจำผิดแล้วล่ะ”

“เป็นไปไม่ได้! มันต้องมีอยู่ตรงนี้สิ ฉันจำไม่ผิดแน่นอน ช็อกโกแลตน่ะ ช็อกโกแลตของฉัน”

“อยู่นี่ไง ฉันซื้อมาให้แล้ว”


ได้ยินหวงเส้าเทียนเริ่มโวยวายแบบนั้น เหลียงอี้ชุนก็ตัดสินใจทำหูหนวกตาบอดเฉียบพลันไม่ได้ยินการทวงถามอะไรทั้งนั้นแล้วก้าวออกไปจากอาคารสโมสรทันที...เอาเป็นว่ากัปตันของหลานอวี่ว่าอย่างไรก็ว่าตามกันก็แล้วกันนะครับหวงเส้า...


ที่ทำการของกิลด์อยู่ไม่ห่างจากอาคารสโมสรหลานอวี่เท่าไร ชายหนุ่มใช้เวลาไม่นานก็กลับมาถึง โดยปกติคนที่นี่ทำงานกันไม่เป็นเวลา อย่างพวกเขานั้นเล่นเกมเป็นอาชีพ จะเล่นเวลาไหนก็ได้ทำให้ตารางเวลาพลิกกลับเป็นชีวิตโต้รุ่งกันเสียส่วนใหญ่ หลายคนจึงชอบอยู่บ้านมากกว่าจะมาสิงในที่ทำการ

เหลียงอี้ชุนวางลังกระดาษทิ้งไว้ในจุดที่ทุกคนน่าจะเห็นแล้วตัวเขาก็เดินเข้าไปจัดการงานของตัวเองต่อ ที่เขาแวะไปสโมสรวันนี้จริงๆ ไม่ได้ไปเรื่องขนขนมเป็นหลัก แต่เขาเพิ่งเอาทำรายงานสรุปผลงานกิลด์หลานซีเก๋อทุกเซิร์ฟเวอร์ของปีที่ผ่านมาไปส่ง

จะว่าเล่นเกมเป็นอาชีพ...แต่หน้าที่ของเขาจริงๆ ก็คือการบริหารกิลด์หลานซีเก๋อให้สโมสรหลานอวี่ นอกจะต้องมีฝีมือในเกมแล้วยังจะต้องมีความสามารถในการจัดการกับเรื่องต่างๆ อีก

ชายหนุ่มโตมากับหลานซีเก๋อเขาผูกพักกันเกมนี้ไม่น้อยกว่าพวกนักกีฬาอาชีพ เพราะงั้นถึงจะเป็นงานหนักและเสียสุขภาพแต่เขาก็ยังรักมันอยู่ดี


“คุณไม่พักก่อนหรือ” เสียงนั้นดังมาจากด้านหลัง เหลียงอี้ชุนชะงักมือที่จะกดเข้าเกมกลอรี่แล้วหมุนเก้าอี้ไป

“เดี๋ยวค่อยนอนทีเดียวก็ได้” เขาตอบก่อนจะถามกลับไป “ทำไมมาเร็ว...นี่กินข้าวเที่ยงหรือยัง”


ผู้มาใหม่อ้าปากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ยังไม่ทันตอบไม่ทันค้านอะไรอีกฝ่ายก็เลื่อนเก้าอี้ข้างตัวเป็นเชิงบอกให้เข้ามานั่งด้วยกัน เด็กหนุ่มจึงเดินเข้าไปนั่งก่อนจะถามสิ่งที่คาใจออกไป


“คุณโดนว่าเรื่องเซิร์ฟเวอร์สิบหรือเปล่า”

“...สถานการณ์ของเซิร์ฟเวอร์สิบมันไม่เหมือนเซิร์ฟอื่น”


สวี่ป๋อหย่วนจ้องหน้าอีกฝ่าย คำตอบของเหลียงอี้ชุนไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่เขาก็รับรู้ได้ทันทีว่ามันจะต้องเป็นอย่างที่คาด ความรู้สึกหดหู่จึงค่อยๆ ขยับเข้ากุมจิตใจ...ผลประกอบการของหลานซีเก๋อในเซิร์ฟเวอร์สิบจะต้องแย่เป็นประวัติการณ์อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งทั้งหมดนั้นอยู่ในความรับผิดชอบของเขาที่เหลียงอี้ชุนต้องมารับผิดไปแทน

ชายหนุ่มเห็นสีหน้าซีดเซียวของอีกฝ่ายก็เดาความคิดได้จึงลุกออกไปข้างนอกโดยที่ไม่ได้พูดอะไรแล้วคว้าช็อกโกแลตในลังกลับมาหนึ่งห่อ

ตัวเขาเองไม่ค่อยถูกโรคกับของหวานอย่างที่กัปตันว่า...แต่ถ้าเป็นสวี่ป๋อหย่วน เขาเห็นอีกฝ่ายมีขนมติดบ้านอยู่บ้างเหมือนกัน


“เอ้า”


เหลียงอี้ชุนหยิบช็อกโกแลตสีขาวรูปดอกไม้อันหนึ่งใส่ปากเด็กหนุ่ม รสชาติหวานนุ่มละลายฉาบไปทั่วปาก สวี่ป๋อหย่วนกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะบ่นออกมาหนึ่งคำ


“หวาน”


ว่าแล้วก็หยิบเอาอีกชิ้นยัดใส่ปากชายหนุ่มบ้าง เขาสัมผัสได้ถึงรสหวานแหลมในปากทันทีแต่ก็ต้องกล้ำกลืนเคี้ยวลงไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจนอีกฝ่ายหลุดขำ

เหลียงอี้ชุนเห็นอาการยิ้มกว้างของคนตรงหน้าแล้วก็สบายใจ เขาวางกล่องช็อกโกแลต หันกลับไปปิดคอมพิวเตอร์แล้วลุกขึ้นแตะแขนอีกฝ่าย


“ไปข้างนอกกัน”

“หา...แล้วคุณไม่ต้องล็อกอินหรือ?”

“วันนี้วันวาเลนไทน์” เหลียงอี้ชุนตอบสั้นๆ พร้อมดึงให้เด็กหนุ่มลุกขึ้นตาม “แล้วคุณก็บอกให้ผมพักเองไม่ใช่หรือ”

“แต่ว่า...”

“ไปเถอะ ทำงานมาทั้งปีแล้ว วันวาเลนไทน์ทั้งทีไปเดตกัน”


สวี่ป๋อหย่วนรู้สึกว่าแก้มเห่อร้อนขึ้นจากประโยคง่ายๆ ของอีกฝ่าย ปลายนิ้วอุ่นที่มักจะใช้ควบคุมตัวละครอย่างดุดันเลื่อนลงมาเกี่ยวจูงมือให้เดินออกไปด้วยกัน

เหลียงอี้ชุนรู้จักวิธีรับมือกับเด็กหนุ่มเสมอ ความไม่สบายใจเมื่อครู่จางลงไปมากอย่างที่เขาเองก็ยังแปลกใจ หลายๆ ครั้งชายหนุ่มก็รู้จักวิธีจัดการกับตัวเขายิ่งกว่าตัวเองเสียอีก การเอาใจใส่มากมายนี้มันหวานจนเหมือนรสชาติที่ติดอยู่ที่ปลายลิ้น...ถึงจะบ่นว่ามันหวานเกินไป แต่รู้ตัวอีกทีก็ดันเสพติดไปแล้ว


ชายหนุ่มหันมามองพลางเมื่อจู่ๆ อีกฝ่ายก็ก้าวเข้ามาเอนตัวพิงไหล่ แต่เด็กหนุ่มเพียงส่ายหน้าตอบแล้วยิ้มให้ เหลียงอี้ชุนจึงยิ้มตอบแล้วพากันเดินออกไปด้านนอกที่อากาศเริ่มอุ่นขึ้นทุกที



::TALK::

สวัสดีค่าา

แฮปปี้วาเลนไทน์วิทชุนหลานนะคะ ฟิคเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจก #วาเลนไทน์ของหลานเหอ2017 #ValentinewithLanHe2017 เกิดจากกิเลสล้วนๆที่อยากให้วันวาเลนไทน์ของเราเต็มไปด้วยหลานเหอ ////////////////////

คิดว่าคนที่คบกันมาหลายปี(คิดเอง)งานเทศกาลแบบนี้คงไม่ได้พิเศษอะไรมากมาย แต่พี่ชุนเห็นน้องมาหาทั้งทีก็คงต้องอยากพาออกไปเที่ยวล่ะน่อ ทีกัปตันกับรองกัปตันยังอู้ซ้อมบ่ายอยู่เลยเน่!!!

อวี้หวงที่แซมมาเป็นความชอบส่วนตัวของเรา คิดว่าหวงเส้าคงสนุกกับการแกะช็อกโกแลตแน่ๆ เลยค่ะ 55555

หวังว่าจะถูกใจชุนหลานวันวาเลนไทน์นะคะ แล้วก็ขอบคุณที่ทุกคนมาร่วมสนุกกันกับแท็กนี้ค่า :)

Monday 30 January 2017

[QZGS-OS] 1 sec (หานจาง :: หานเหวินชิงxจางซินเจี๋ย)

[QZGS-OS] 1 sec (หานจาง :: หานเหวินชิงxจางซินเจี๋ย)


**spoiled alert เนื้อหาในเล่ม4**

ภาพชายหนุ่มผู้หนึ่งนั่งหลังตรงคีบอาหารเข้าปากอย่างเป็นแบบแผนนั้นคือสิ่งที่คนในสโมสรป้าถูคุ้นชิน จางซินเจี๋ยมักจะนั่งที่โต๊ะตัวเดิมทุกวันไม่เคยเปลี่ยน ทั้งหมดเป็นไปตามระบบระเบียบอย่างมากจนทุกคนในสโมสรแทบจะบอกได้ด้วยซ้ำว่ารองกัปตันผู้นี้จะใช้เวลาเท่าไรในการกินอาหารชุดนี้

เป็นที่รู้กันว่าชายหนุ่มเจ้าระเบียบผู้นี้ไม่พูดคุยระหว่างรับประทานอาหาร นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาคุ้นชินแต่ทำใจรับไม่ค่อยได้...เก้าอี้ตรงข้ามชายหนุ่มจึงมักว่างเปล่าเสมอ

สมาชิกสโมสรป้าถูมักเป็นคนห่ามๆ อย่างหานเหวินชิงมากกว่า การนั่งกินข้าวกับคนระเบียบจัดผิดวิสัยชาวป้าถูทำให้พวกเขาโดนออร่าผู้ดีมีมารยาททำร้ายจิตใจ สุดท้ายภาพการนั่งกินข้าวคนเดียวของรองกัปตันจึงกลายเป็นความคุ้นชินเนิ่นนาน

จนกระทั่งวันนี้...

เจี่ยงโหยวที่กวาดข้าวเข้าปากจนเรียบร้อยนั่งมองจางซินเจี๋ยกินข้าวทีละคำทีละคำอย่างนั่งไม่ติด สายตาคนทั่วไปดูก็รู้ว่าหมอนี่มีเรื่องแต่ก็ไม่คิดจะสนใจไปถามอะไรให้มากความ

หานเหวินชิงเองก็เป็นหนึ่งในคนที่สังเกตเห็น...ภาพของเก้าอี้ตัวตรงข้ามที่ไม่ว่างเปล่ามันสะดุดตาเกินไป

...แต่สุดท้ายเขาก็แค่หันหลังแล้วเดินออกมาโดยที่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ



จางซินเจี๋ยเห็นจากหางตาว่าหานเหวินชิงเดินออกจากห้องอาหารไปเฉยๆ

มือของเขายังขยับตะเกียบคีบข้าวสลับกับกับข้าวตามลำดับไม่มีพลาด ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามความคาดการณ์ ตามแบบแผน

...เขานั่งกินข้าวคนเดียวมาเนิ่นนาน อันที่จริงก็สบายใจดี เขาไม่ต้องการให้ใครมาอึดอัดใจกับนิสัยส่วนตัวเช่นกัน

หลังจากกัปตันออกจากห้องไป คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาก็มีท่าทีผ่อนคลายลงอย่างไม่ได้ตั้งใจในทันที

เจี่ยงโหยวจะกลัวหานเหวินชิงนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก...แต่อีกฝ่ายกังวลมากไปแล้ว เพราะเมื่อใดที่ใครหรืออะไรเข้ามาในอาณาเขตของจางซินเจี๋ยแล้ว หานเหวินชิงจะเลิกสนใจทันที

ดังนั้น...ความกังวลของเจี่ยงโหยวจึงเกินกว่าเหตุทั้งสิ้น

จางซินเจี๋ยคิด ขณะที่คีบข้าวคำสุดท้ายเข้าปากด้วยท่าทีปกติ



เที่ยงวันถัดมาชายหนุ่มมองเมนูอาหารผ่านกรอบแว่นตาแล้วก็เลือกมาสองอย่างกับน้ำซุปหนึ่งถ้วย ก่อนจะยกถาดไปวางไว้บนโต๊ะตัวเดิม

เขาขยับจัดตำแหน่งจานให้เข้าที่ก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มหนึ่ง แล้วค่อยหยิบตะเกียบเริ่มคีบอาหารเข้าปากอย่างที่ทำทุกๆ วัน

แต่วันนี้...กลับมีเงาหนึ่งมาพาดผ่านถาดอาหาร

หานเหวินชิงวางถาดข้าวตัวเองที่ฝั่งตรงข้ามก่อนจะทรุดตัวนั่งลงจ้วงข้าวเข้าปากโดยที่ไม่ได้พูดอะไร จางซินเจี๋ยเองเห็นดังนั้นก็คีบข้าวเข้าปากต่อเรื่อยๆ ไม่ได้เสียจังหวะ

มื้ออาหารนั้นผ่านไปในความเงียบ แม้กัปตันของสโมสรป้าถูจะจัดการอาหารโปรตีนสูงของตัวเองเสร็จแล้วแต่เขาก็ยังคงนั่งกอดอกมองรองกัปตันของตัวเองคีบข้าวเข้าปากทีละคำโดยที่ไม่ได้พูดอะไร

ภาพของชายหนุ่มหน้าตาสะอาดสะอ้านสวมแว่นตากรอบบางในชุดเสื้อเชิ้ตเรียบกริบกำลังรับประทานอาหารนั้นดูราวกับคุณชายใหญ่ ข้อมือที่โผล่พ้นแขนเสื้อเชิ้ตขยับอย่างนุ่มนวลในขณะที่ปลายนิ้วออกแรงควบคุมตะเกียบดึงเอาความสนใจของกัปตันเลือดร้อนคนนี้ไปได้ชะงัด เขาจึงไม่ได้แสดงท่าทางหงุดหงิดอะไรแม้จะต้องนั่งรอนาน

จริงอยู่ที่หานเหวินชิงเห็นภาพนี้บ่อยจนชินแล้ว...แต่ที่ไม่คุ้นชินคือภาพของการมีคนอื่นนั่งอยู่ตรงข้ามจางซินเจี๋ย

ชายหนุ่มเป็นคนโผงผางตรงไปตรงมา เขามีความคิดไม่ซับซ้อนเหมือนกับอีกฝ่าย หลังจากสรุปกับตัวเองได้แล้วว่าไม่พอใจกับภาพเมื่อวานนี้ สิ่งที่หานเหวินชิงตัดสินใจทำก็คือการเอาตัวเองมานั่งแทนที่ว่างตรงนั้นซะ จะได้ไม่ต้องหงุดหงิด

เขาไม่อยากหงุดหงิดแล้ว...ก็แค่นั้น



จางซินเจี๋ยเห็นสายตาอีกฝ่ายมองตามมือตัวอย่างไม่ได้ตั้งใจแล้วก็ได้แต่ขยับมันไปตามจังหวะปกติ ชายหนุ่มครุ่นคิดถึงเหตุผลที่อีกฝ่ายมานั่งจ้องกันแบบนี้แล้วก็ได้ข้อสงสัยมาสองสามอย่าง

ด้วยนิสัยของเขาจึงไม่กล้าฟันธงอะไร...และถ้าจะให้ถามออกไปตรงๆ เขาก็ไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้น แล้วก็ไม่อยากสร้างความลำบากใจให้หานเหวินชิงอีก

จางซินเจี๋ยตักน้ำซุปเข้าปากอย่างเงียบเชียบด้วยความรู้สึกว่ามันอร่อยกว่าเมื่อวาน

แค่ดวงตาสีเข้มที่จับจ้องมาที่ตัวเขาเพียงวินาทีเดียว...ก็ต่อชีวิตเขาไปได้อีกสิบปีแล้ว



TALK

//หวีดร้องเฉพาะกิจ//

ไม่ไหว ใจข้าไม่ไหวแล้ว ขอหวีดหนึ่งฟิคก่อน พี่จางดีมาก พี่จางดีมาก พี่จางดีมาก พี่จางดีมาก

//เขียนดายอิ้งเมสเสจ

'หานจางฆ่าข้าตาย'

ทอล์กไม่ออกบอกไม่ถูก ใจสั่นมาก ช่วยด้วย //กุมอกล้มตายไป ลาก่อนทุกคน... หวังว่าจะมาล้มตายไปด้วยกันกับหานจางนะคะ โฮกฮาก

Saturday 28 January 2017

[QZGS-SF] finding LanHe! (ออลหลาน :: all x หลานเหอ)

HAPPY BIRTH DAY to LAN HE!
[QZGS-SF] finding LanHe! (ออลหลาน :: all x หลานเหอ)

**ฟรีเปเปอร์ที่แจกในงานปาร์ตี้วันเกิดหลานเหอ ณ sit in 28/01/60**
***แต่จริงๆ หลานเหอเกิดวันที่ 14ธันวานะคะนะ ว่างตรงกันวันนี้เลยจัดงานวันนี้เฉยๆ 5555***


-1-

เสียงโทรศัพท์ตัดเข้าสู่ระบบรับฝากข้อความครั้งที่สามทำให้เหลียงอี้ชุนต้องกดตัดสายในที่สุด ชายหนุ่มจ้องหน้าจอซึ่งกำลังแสดงประวัติการโทรด้วยความรู้สึกกังวล รายชื่อสวี่ป๋อหย่วนโทรหาเขาเมื่อสามสิบนาทีก่อนสองสายแต่ด้วยความเคยชินที่ขณะเล่นเกมเขาจะปิดเสียงและเอามือถือไปวางไว้ไกลไม่ให้เสียสมาธิ การเรียกเข้านั้นจึงไม่ได้รับการตอบสนอง

อี้ชุนตัดใจไม่กดต่อสายอีกเป็นครั้งที่สี่ เขาคว่ำมือถือลงกับโต๊ะพลางครุ่นคิด อีกฝ่ายรู้นิสัยและตารางเวลาของเขาดีเกินกว่าที่จะไม่รู้ว่าตัวละครชุนอี้เหล่ากำลังออนไลน์ หากมีเรื่องด่วนในเวลาแบบนี้ป๋อหย่วนน่าจะสลับไอดีเข้าตัวละครหลานเฉียวชุนเสวี่ยเพื่อมาเรียกเขามากกว่าโทรศัพท์มา


...หรือมีปัญหาอะไรที่ทำให้ไม่สามารถปลีกตัวออกจากไอดีของเซิร์ฟเวอร์สิบได้เลย?


ชายหนุ่มชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งจึงเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักคว้าเอาไอดีการ์ดของเซิร์ฟเวอร์สิบที่เขายังเก็บเอาไว้ขึ้นมาเสียบเข้าเครื่อง

จริงอยู่ที่ป๋อหย่วนกับเขามักจะโทรศัพท์คุยกันในเรื่องส่วนตัวมากกว่า แต่ในสถานการณ์ซึ่งทางเซิร์ฟเวอร์สิบยังลุ่มๆ ดอนๆ อยู่ก็เป็นไปได้ว่าทางนั้นจะมีปัญหาใหญ่โตขึ้นมาจริงๆ ...ยังไงนี่ก็เป็นช่วงพักเบรก แวะเข้าไปดูหน่อยก็แล้วกัน


เมื่อล็อกอินเข้าเกมได้ชายหนุ่มก็กดเข้าดูรายชื่อเพื่อนเป็นอย่างแรก ตัวละครหลานเหอแสดงว่ากำลังออนไลน์อยู่อย่างที่คิดแต่อีกฝ่ายยังคงนิ่งเงียบไม่ได้ทักมาเขาจึงส่งข้อความไปสั้นๆ


“อยู่ไหน”


ผ่านไปราวสิบนาที...ก็ยังไม่มีข้อความตอบกลับ จะว่ากำลังตีมอนหรือลงดัน...ฝีมือระดับหนึ่งในห้ายอดฝีมือของหลานซีเก๋อก็ควรจะขยับมือมาตอบได้ หรือจะว่ากำลังชิงสถิติก็ดูไม่น่าใช่

ตัวละครนักดาบคลั่งที่เขายืมมาใช้ครั้งล่าสุดล็อกเอาต์ไว้ที่นครจุลภาค เมื่อดินวนๆ หาไม่นานก็เจอสมาชิกกิลด์หลานซีเก๋อให้พอลากมาถามได้ว่าหัวกิลด์ของพวกเขาหายไปไหน

สมาชิกเหล่านั้นมองหน้ากันเองแล้วก็ได้แต่ส่ายหัว...ช่วงนี้กิจกรรมต่างๆ ของหลานซีเก๋อเซิร์ฟเวอร์สิบซบเซาเหลือเกิน ตั้งแต่เรื่องสถิติดันเจี้ยนแผ่นดินเร่ร่อนสถานการณ์กิลด์ก็ยังอยู่ในภาวะแช่แข็ง ตอนนี้สมาชิกจึงว่างงานเสียยิ่งกว่าว่าง ได้แต่เก็บเวลฟาร์มไอเท็มวนๆ ไปรอเวลา

ยิ่งถามก็ยิ่งงุนงง ไม่มีใครรู้ว่าหัวกิลด์ตัวเองมีแผนทำอะไรอยู่ที่ไหนกันสักคน ชุนอี้เหล่ารู้สึกมืดแปดด้านอย่างประหลาด...เหมือนจู่ๆ หลานเหอก็หายเข้ากลีบเมฆไปอย่างไรอย่างนั้น


“เอ้อ แต่สักราวๆ ชั่วโมงก่อนผมเห็นหัวกิลด์วิ่งไปทางช่องเขาเส้นเดียว” ใครสักพูดขึ้นมา

“ไปกับใคร”

“ผมเห็นเขาแค่คนเดียว...เห็นแค่ด้านหลังผ่านๆ แต่ไม่น่าผิดคน”


ช่องเขาเส้นเดียว...หลานเหอเคยบอกว่าดันเจี้ยนช่องเขาเส้นเดียวมีสัญญาใจกับป้าชี่สยงถูไปแล้วนี่ ชุนอี้เหล่าบังคับตัวละครนักดาบคลั่งให้วิ่งออกไปทางนั้นทันที

ไอ้เซิร์ฟเวอร์สิบนี่มันชักจะมีเรื่องน่าสงสัยเยอะเกินไปหน่อยแล้วมั้ง...หรือเขาจะคิดผิดจริงๆ ที่ส่งหลานเหอมาคนเดียว



-2-

ในขณะเดียวกันนั้นเชอเฉียนจื่อที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ห่างออกไปอีกเมืองหนึ่งก็กำลังกะพริบตามองข้อความจากระบบอย่างงุนงง ก่อนจะขยี้ตาตัวเองซ้ำๆ เพื่อเช็กว่าการมองเห็นยังเป็นปกติอยู่หรือไม่

...หลานเหอ...หลานเหอส่งข้อความหาเขาล่ะ!! หัวหน้ากิลด์จงเฉ่าถังเซิร์ฟเวอร์สิบโวยวายในใจแม้หน้าต่างจะแสดงข้อความเพียงแค่


หลานเหอ – เหล่าเชอ


จบ...ไม่มีอะไรต่อจากนั้นแม้แต่ตัวอักษรเดียว แต่แล้วใครจะทำไม ถึงจะแค่สองตัวอักษรแต่มันมาจากหลานเหอเขาจะอารมณ์ดีมันก็เรื่องของเขาไม่ใช่เรอะ เหอเหอเหอ

แต่การแจ้งเตือนของระบบก็แปลกๆ ในเมื่อข้อความแสดงเวลาเมื่อสามสิบนาทีก่อนแต่เขากลับเพิ่งมาเห็นตอนที่กดเช็กกล่องข้อความ จะว่ายุ่งวุ่นวายจนไม่ทันเห็นก็ไม่น่าใช่...ข้อความจากหลานเหอเลยนะ! เขาจะพลาดได้ยังไง มันต้องเป็นที่ระบบเพี้ยนๆ แน่ๆ !!!

ถึงจะติดใจอยู่บ้างแต่เชอเฉียนจื่อไม่รอช้าปัดความสงสัยทิ้งไปแล้วรัวความเร็วมือเป็นข้อความแสดงความรักด้วยการทับถมกิลด์หลานซีเก๋อเรื่องสถิติดันเจี้ยนแผ่นดินเร่ร่อนไปราวหนึ่งเรียงความจนอิ่มอกอิ่มใจแล้วก็นั่งยิ้มรอการตอบกลับอย่างดุเดือดของสหายหัวกิลด์เซิร์ฟเวอร์สิบ


...สิบนาทีผ่านไป...กับความนิ่งเงียบต่อเนื่อง


เฮ้ย...ชื่อหลานเหอก็ขึ้นว่าออนไลน์อยู่แท้ๆ ทำเมินข้อความกันหรือไงเนี่ย เชอเฉียนจื่อเริ่มจะนั่งไม่ติดที่เล็กน้อย ถึงอีกฝ่ายจะขี้โวยวายหรือชอบหัวเราะเสียงน่าเกลียดใส่แต่ก็ไม่เคยเมินเฉยไร้การตอบสนอง

หัวหน้ากิลด์จงเฉ่าถังแห่งเซิร์ฟเวอร์สิบชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งจึงพิมพ์สอบถามสถานการณ์ของหลานซีเก๋อตอนนี้ไปในช่องสื่อสารของสายข่าวในกิลด์ แต่ก็ได้ความไม่ค่อยต่างกับที่เขาคิดเท่าไรนัก...ผลกระทบจากเหตุการณ์สถิติดันเจี้ยนแผ่นดินเร่ร่อนยังคงกดให้หลานซีเก๋อก้มหน้าก้มตาเก็บเลเวลไปเรื่อยๆ อย่างเดียว

น่าแปลก...


“แต่ถ้านายจะถามถึงหลานเหอ ชั่วโมงก่อนฉันเห็นหมอนั่นอยู่แถวๆ ป่าเพียงรู้นะ”


เชอเฉียนจื่อพิมพ์ขอบคุณลงไปขณะที่ในหัวยังมึนงง...สถานที่แบบนั้นเหล่าหลานจะไปทำอะไร ถ้าเขาจำไม่ผิดเควสพื้นฐานตามเลเวลที่จำเป็นต้องทำอีกฝ่ายก็เก็บครบหมดแล้วนี่

นั่นปะไร สงสัยไปก็เท่านั้น คิดหรือว่าไม่ตอบแชตแล้วเขาคนนี้จะยอมแพ้ คิดพลางขยับมือบังคับตัวละครผู้ฝึกมนตราให้ออกวิ่งในทันที

เรื่องตามติดตามวอแวหลานเหอน่ะ...คนที่เชี่ยวชาญกว่าเชอเฉียนจื่อคนนี้ไม่มีอีกแล้ว ขอเดิมพันด้วยไม้แขวนเสื้อหน้าตู้และอะคริลิกบนโต๊ะคอมเลยเอ้า!!



-3-

วันนี้เยี่ยซิวตื่นนอนเร็วอย่างน่าประหลาด วิถีชีวิตแบบนกฮูกทำให้เฉินกั่วไม่ค่อยเจอชายหนุ่มในเวลาช่วงบ่ายแบบนี้ ท่าทางง่วงงุนเดินลงมาถึงคว้าอะไรที่กินได้เข้ามือปุ๊บก็คาบบุหรี่เดินไปนั่งหน้าคอมทันทีทำเอาหญิงสาวรู้สึกความดันจะขึ้น


"อีตานี่ใช้กลอรี่หายใจแทนอากาศหรือไงเนี่ย"


เธอบ่นอุบก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะคิกดังมาจากหลังเคาน์เตอร์ ถังโหรวนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ได้หันมาแต่เจ้าของร้านสาวก็เห็นไหล่ที่กำลังสั่นนิดๆ ...นี่ก็อีกคน เฉินกั่วยกมือขึ้นเสยผมอย่างหงุดหงิดก่อนจะตัดสินใจเดินอ้อมไปด้านหลังชายหนุ่ม เพื่อดุสักทีเรื่องทำเสี่ยวถังของเธอใจแตก แต่สิ่งที่หน้าจอแสดงกลับดึงความสนใจไปได้โดยง่าย


หลานเหอ - ท่านเทพครับ


เห...หลานเหอนี่มันไม่ใช่ว่าคือเจ้าของไอดีหนึ่งในห้ายอดฝีมือของกิลด์หลานซีเก๋อ 'หลานเฉียวชุนเสวี่ย' หรอกหรือ ถึงเฉินกั่วจะไม่ได้ร่วมวงเล่นด้วยในเซิร์ฟเวอร์สิบแต่ด้วยความสนิทกับถังโหรวเธอจึงได้รับข้อมูลทั่วไปมาบ้าง ถ้าไม่ติดว่าถังโหรวไม่ค่อยสนใจข่าวสังคมเธอคงไม่พลาดเรื่องแบบนี้แน่ๆ


"นี่นายสนิทกับหัวกิลด์ของหลานซีเก๋อด้วยเหรอ" ว่าแล้วเรดาห์ก็เริ่มทำงานทันที

"อืม..."


คำตอบรับแบบขอไปทีทำเอาหญิงสาวยืนแยกเขี้ยวอยู่ด้านหลัง แต่พอไม่ได้รับความสนใจเข้าจริงๆ เจ้าของร้านสาวก็เปลี่ยนเป้าหมาย เดินฉับๆ กลับไปหาสายข่าวเจ้าประจำของเธอ


"นี่ๆ หมอนั่นสนิทกับหัวกิลด์หลานซีเก๋อด้วยเหรอ" เฉินกั่วสะกิดถามยิกๆ ก่อนจะอธิบายเพิ่มเมื่อเห็นสีหน้างุนงง "ไอดีหลานเหอไง"


ถังโหรวกะพริบตาทวนความจำสองทีถึงนึกออก ตัวละครจอมยุทธ์ดาบของกิลด์ที่โลโก้เป็นสีฟ้าสินะ...


"ก็สนิท"

"ระดับไหน?"

"อืม..." หญิงสาวหรี่ตาทบทวนความจำ ในขณะที่มือก็ยังขยับบังคับตัวละครหานเยียนโหรวในหน้าจอต่อ


เยี่ยซิวเป็นคนมีฝีมือและมาตรฐานสูง เรื่องนี้ถังโหรวรู้ดีกว่าใคร ดังนั้นเมื่อหลายวันที่เห็นจวินม่อเซี่ยวกล่าวถึงหลานเหอต่อหน้าพวกทีมหลานซีเก๋อในแง่ชื่นชมพร้อมกับเหยียบย่ำ...ที่ชื่ออะไรแล้วนะ คนพูดมากของหลานซีเก๋อคนนั้น...เธอถึงแปลกใจ ชายหนุ่มชมคนไม่ง่าย หากชมแล้วย่อมหมายความตามนั้นจริงๆ

แล้วยังเหตุการณ์รุมฆาตกรรมหมู่ที่ช่องเขาเส้นเดียวอีก...เธอเองก็ไม่รู้ว่าระหว่างคนที่ชื่อหลานเหอกับเยี่ยซิวมีอะไรกัน แต่ไอ้อาการเห็นหน้าแล้วโล่งอก โบกมือเซย์ไฮสบายอารมณ์กับคนอื่นแบบนั้นเธอเองก็เห็นไม่บ่อย

อืม...


"ก็พิเศษกว่าคนอื่น" ในมาตรฐานแข็งกระด้างของผู้หญิงที่ชื่อถังโหรว


ว่าจบก็กลับมาตั้งใจเล่นเกมต่อ บังคับหานเยียนโหรวให้วิ่งผ่านพื้นที่รกร้างซึ่งไม่เหมาะกับการเก็บเลเวลไปทันที เฉินกั่วที่ยืนอยู่ข้างหลังจะหวีดร้องเสียงเบาเอามือทุบๆ พนักเก้าอี้ทำไมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่พอขยับเมาส์ไปอีกสักพักเธอก็ต้องเป็นฝ่ายร้องอุทานออกมาเอง

ร่างหนึ่งที่คุ้นตาวิ่งผ่านหน้าจอไปพร้อมกับปลายผมสีฟ้าซึ่งถูกรวบเป็นหางม้า หญิงสาวกวาดตามองตัวอักษรสองตัวเหนือศีรษะตัวละครนั้นอย่างรวดเร็วเพื่อยืนยันความเข้าใจของตน

...นั่นมันหลานเหอนี่



-4-

ชุนอี้เหล่าบังคับตัวละครนักดาบคลั่งเลเวลสามสิบมุ่งเข้าสู่แม็พช่องเขาเส้นเดียวอย่างรวดเร็ว เวลาแบบนี้ไม่ใช่ช่วงที่เหมาะกับการลงดันทำให้ช่องเขาดูเวิ้งว้างปราศจากผู้คนอย่างแท้จริง ชายหนุ่มจึงสลับหน้าจอไปเสิร์ชหาแผนที่ของช่องเขามาศึกษา

ถ้าหลานเหอมาที่นี่คนเดียวย่อมไม่ใช่การลงดัน ดังนั้นเจ้าตัวก็น่าจะอยู่ในซอกเขาแถวนี้สักซอกนึง แม้ยังนึกเหตุผลไม่ออกแต่ชุนอี้เหล่าก็วางแผนคร่าวๆ ในหัวแล้วค่อยออกตามหาอย่างใจเย็น

ชายหนุ่มใช้เวลาวิ่งวนไปมาอยู่ไม่นานก็เห็นตัวละครหนึ่งยืนนิ่งอยู่บนเส้นทางเล็กๆ ในช่องเขา...ตัวละครจอมยุทธ์ดาบผมยาวรวบเป็นหางม้า เห็นแค่ด้านหลังเขาก็มั่นใจว่านี่คือคนที่กำลังตามหา


“หลานเฉียว”


เขาเรียกออกไปแต่อีกฝ่ายก็ยังคงยืนนิ่งไร้การตอบสนอง ชุนอี้เหล่ารู้สึกงุนงงหนักขึ้นไปอีกเมื่อเดินอ้อมไปด้านหน้าแล้วตัวละครหลานเหอก็ยังคงแข็งทื่อเป็นหิน


“ป๋อหย่วน...อาหย่วน?”


นิ่งเงียบ...นี่ป๋อหย่วนเลินเล่อขนาดล็อกอินตัวละครทิ้งเอาไว้กลางแม็พเลยหรือ? เกิดถูกฆ่าตายแล้วเครื่องสวมใส่ดรอปจะทำยังไง ถ้ากลับมาจะต้องอบรมหน่อยแล้ว หัวหน้ากิลด์ใหญ่ของหลานซีเก๋อคาดโทษเอาไว้เงียบๆ ขณะที่ใช้ตัวละครปักหลักเฝ้าเอาไว้

ว่าแล้วเหลียงอี้ชุนก็เอะใจแปลกๆ เขาเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือมาดูก็ยังไม่มีการเรียกสายเข้าครั้งใหม่ แถมพอลองกดโทรหาเบอร์เดิมก็ยังเป็นบริการรับฝากข้อความ

ป๋อหย่วนไม่อยู่ในเกม...แต่ก็ติดต่อไม่ได้ นี่มันเรื่องอะไรกัน?


แต่ก่อนที่ความเป็นห่วงจะลากจินตนาการเรื่องเลวร้ายของชายหนุ่มไหลไปไกลก็มีเสียงฝีเท้าพร้อมกับเสียงโหวกเหวกโวยวายดังแว่วมา เขาจึงรีบบังคับให้ตัวละครนักดาบคลั่งอยู่ในท่าเตรียมพร้อมรับมือกับผู้มาเยือนทันที


“หยุดวิ่งเดี๋ยวนี้นะเหล่าหลาน!!”


หา...?


เสียงนั้นนำมาก่อนจากระยะไกลก่อนที่ตัวละครหนึ่งจะโผล่มาจากทางเลี้ยวช่องเขา...ตัวละครจอมยุทธ์ดาบผมยาวรวบหางม้าพร้อมหน้าตาที่เขาคุ้นเคยอย่างดี

นั่นมันหลานเหอ...แต่ที่ยืนนิ่งอยู่ข้างหลังเขามันก็หลานเหอไม่ใช่เรอะ!?



-5-

เชอเฉียนจื่อนึกเข้าใจสงครามประสาทระหว่างท่านเทพของเขากับหวงเส้าเทียนของหลานอวี่มากขึ้นทุกที คนหนึ่งก็พล่ามพรรณนาน้ำไหลไฟดับ อีกคนก็ทำหูทวนลมเมินถ้อยคำขยะไปรัวๆ นี่มันคือการแข่งขันความแข็งแกร่งด้านจิตประสาทอย่างแท้จริง

ซึ่งสิ่งที่เขาทำอยู่ตอนนี้...ก็คือการลอกเลียนวิทยายุทธของท่านอริยดาบอย่างอเนจอนาถเป็นที่สุด


“เหล่าหลาน เหล่าหลาน เหล่าหลาน เหล่าหลาน เหล่าหลาน เหล่าหลาน เหล่าหลาน เหล่าหลาน เหล่าหลาน เหล่าหลาน เหล่าหลาน”


หนึ่งตัวละครจอมยุทธ์ดาบกับหนึ่งตัวละครผู้ฝึกมนตรากำลังวิ่งไล่กันไปด้วยความเร็วเท่ากันยังไงก็ตามไม่ทันสักที แถมอีกฝ่ายยังเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งไม่หันมาชายตามองกันสักนิดเชอเฉียนจื่อจะรัวบับเบิ้ลข้อความไปฝั่งนั้นก็ไม่มีทางเห็น เขาจึงได้แต่ตะโกนโหวกเหวกเลียนแบบไอดอลของอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ

หลังจากตัดสินใจว่าจะไปตามหาตามเบาะแสที่ป่าเพียงรู้ วิ่งไปยังไม่ถึงชายป่าดีก็เจออีกฝ่ายวิ่งสวนทางไปยังทิศของช่องเขาเส้นเดียว เชอเฉียนจื่อยังงุนงงกับสถานการณ์นี้แต่ก็บังคับให้ตัวเองวิ่งไปด้วยสัญชาตญาณ แม้เขาจะนึกเหตุผลที่โดนอีกฝ่ายปั้นปึ่งใส่ขนาดนี้ไม่ออกเลยก็ตาม


“นายจะรีบไปไหนฟระ!? จะลงดันอะไรเอาป่านนี้ นายใช้จำนวนครั้งวันนี้หมดแล้วไม่ใช่เรอะ อย่ามาหลอกฉันเสียให้ยาก นายก็ต้องรอรีเซ็ตตอนเที่ยงคืนใช่มั้ยล่ะเหล่าหลาน”


ปากก็โวยวายไปมือก็ขยับไป เชอเฉียนจื่อทุ่มเทพลังกายใจอย่างเต็มที่ไล่ตามหลานเหอ จากชายป่าเพียงรู้ผ่านกังหันลมเก่าเข้าสู่หนึ่งในเส้นทางสลับซับซ้อนของช่องเขาเส้นเดียว

หลานเหอวิ่งเลี้ยวไปมาในช่องเขาสลับซับซ้อนอย่างคล่องแคล่วราวกับกำหนดเส้นทางไว้อย่างดีแล้ว แต่เส้นทางพวกนี้จะเชื่อมไปเชื่อมมาอย่างไรสุดท้ายมันก็ไปได้แค่สองทางก็คือประตูดันกับทางออกไม่ใช่หรือ

เชอเฉียนจื่อยังคงตั้งหน้าตั้งตาโวยวายไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเห็นคนสองคนอยู่ในทางเดินช่องเขา


ตัวละครนักดาบคลั่ง...กับจอมยุทธ์ดาบที่หน้าตาเหมือนกับคนที่เขากำลังวิ่งไล่ตามอย่างกับแกะ

หลานเหอสองคน...???


ว่าแล้วตัวละครหลานเหอก็หยุดวิ่งยืนนิ่งประจันหน้ากับหลานเหอคนที่ยืนอยู่ก่อน เชอเฉียนจื่อเห็นถึงตรงนี้ก็มึนงงจนนึกคำพูดอะไรต่อไม่ออกแล้ว


“...เอ่อ” นักดาบคลั่งที่อยู่ตรงนั้นก็มีติดสตันไม่แตกต่าง “เชอเฉียนจื่อ? จงเฉ่าถัง?”

“คุณ...?” คนถูกเรียกก็พลันคิดขึ้นได้ว่าผู้เล่นทั่วไปย่อมไม่เรียกเขาเช่นนี้ ดูจากตัวละครนักดาบคลั่งพร้อมออปชั่นตามติดกางปีกเฝ้าหลานเหอแบบนี้มันจะเป็นใครไปไม่ได้แน่ๆ นอกจากท่านหัวกิลด์ใหญ่ของหลานซีเก๋อ


เชอเฉียนจื่อเป็นใบ้หนักข้อ เดิมสถานการณ์ที่มีหลานเหอสองคนยืนนิ่งจ้องหน้ากันไม่พูดอะไรก็แย่แล้ว นี่ยังจะมาเจอรุ่นใหญ่ของกิลด์ชาวบ้านมายืนงงเป็นเพื่อนอีก...เออดีๆ ไว้ถ้าได้นักกีฬาอาชีพอีกสักคนมายืนงงด้วยซีนนี้คงเป็นที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง

คิดแล้วก็ได้แต่หัวเราะฝืดเฝือในใจ และยังไม่ทันได้ทำอะไรต่อก็มีเสียงฝีเท้าดังตามมาจากอีกฝั่งทางเดิน เชอเฉียนจื่อและชุนอี้เหล่าหันขวับไปทันทีตามเสียงก่อนที่จะจ้องหน้าจอตาแทบถลนกับผู้มาเยือนคนใหม่


จอมยุทธ์ดาบผมยาวสีฟ้ารวบหางม้า

หลานเหอ...คนที่สาม



-6-

สถานการณ์ในร้านอินเตอร์เน็ตซิงซินขณะนี้ก็ไม่ต่างกับที่หน้าจอของเชอเฉียนจือและชุนอี้เหล่านัก เฉินกั่วยืนปักหลักอยู่หลังเก้าอี้เยี่ยซิวสังเกตอย่างใกล้ชิด ไม่เว้นแม้แต่ถังโหรวที่ถูกลูกค้าเรียกจนต้องปิดเครื่องตัวเองไปทำงานก่อนก็ยังอดเหลือบสายตามามองบ่อยๆ อย่างสนใจไม่ได้

เมื่อครู่นี้ตัวละครหลานเหอวิ่งผ่านหน้าเธอไปไประยะหนึ่งก็หยุดกึก แล้วยืนนิ่งอยู่เฉยๆ ถังโหรวบังคับหานเยียนโหรวเข้าไปทักทายตามคำบัญชาของเจ้าของร้านแล้วก็พบว่าอีกฝ่ายไร้การตอบสนองเหมือนคนลืมล็อกเอาต์

...น่าแปลก หลานเหอไม่ใช่ผู้เล่นใหม่ เรื่องสะเพร่าเช่นนี้ไม่น่าเกิดขึ้นได้


เยี่ยซิวตะโกนมาถามพิกัด ถังโหรวก็บอกไปก่อนจะกดล็อกเอาต์เองเนื่องจากต้องเดินไปส่งเปปซี่ ภายหลังที่เดินผ่านจึงได้เห็นว่าจวินม่อเซี่ยวกำลังวิ่งไล่ตามหลานเหออยู่


“เขาจะหนีทำไม”

“ไม่ใช่หนีหรอก” เยี่ยซิวตอบเสียงอู้อี้เพราะบุหรี่ที่คาอยู่ตรงมุมปาก “วันนี้การบังคับของหมอนี่แปลกๆ”

“คุณจะตามเขาไปหรือ”


คำถามนี้ชายหนุ่มไม่ตอบ แต่มือก็ขยับไปตามนั้น แล้วถังโหรวก็ละสายตาเงยขึ้นมองเฉินกั่วที่ยืนอยู่ด้านหลังอมยิ้มทำปากขมุบขมิบแล้วก็ได้แต่รู้สึกเหนื่อยใจ...ทำไมคนเหล่านี้ถึงไม่ทำตัวให้เข้าใจง่ายๆ กันหน่อยนะ


จวินม่อเซี่ยวไล่ตามหลานเหอจากบริเวณทางแยกของแผ่นดินเร่ร่อนกับช่องเขาเส้นเดียวเข้าสู่แม็พทางขวาอย่างรวดเร็ว ตอนแรกตัวละครหลานเหอยืนนิ่งอยู่แต่บทจะขยับก็เอาแต่วิ่งอย่างเดียวไม่สนทนากับใคร ดีที่เขาตามมาทันจึงยังพอรักษาระยะห่างเอาไว้ได้

เยี่ยซิวยังพอจำเส้นทางที่เคยเสิร์ชดูตอนมาลอบสังหารหมู่ชาวบ้านได้ เขาวิ่งลัดเลาะตามหลานเหอไปก็ได้แต่สงสัยว่าเจ้าตัวจะไปไหน แต่พอเห็นกลุ่มคนยืนอยู่ในทางเดินแคบความเขาก็นึกเข้าใจสถานการณ์ขึ้นมาบางส่วน นักดาบคลั่งคนนั้นเคยแนะนำตัวกับเขาว่าคือ ชุนอี้เหล่าจากหลานซีเก๋อ ส่วนอีกคนก็คุ้นหน้าคุ้นตากันดีในฐานะลูกค้ารายใหญ่ เชอเฉียนจื่อจากจงเฉ่าถัง


และหลานเหอคนที่สาม...

ที่มาพร้อมกับจวินม่อเซี่ยว


สถานการณ์ตอนนี้มันประหลาดล้ำเกินกว่าจะอธิบายได้ด้วยตรรกะปกติแล้ว ทุกคนในที่นั้นล้วนจนด้วยคำพูด ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะเลือกสงสัยอะไรก่อนเป็นเรื่องแรก


หลานเหอสามคน...จริงๆ ก็ดีนะ...

นั่นคือสิ่งที่ทุกคนตรงนั้นคิดตรงกันเป็นอย่างแรกแต่ก็พร้อมใจเหยียบเอาไว้ให้แน่น


แต่แล้วตัวละครหลานเหอทั้งสามก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง กราฟฟิกบิดเบี้ยวเสมือนบั๊กของการแสดงผลปรากฏขึ้นโดยรอบ และในชั่วพริบตาตัวละครหลานเหอทั้งสามก็กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน


“อาหย่วน/เหล่าหลาน/หลานอา”


สามเสียงเรียกประสานทันทีพร้อมกับสายตาไม่เป็นมิตรที่ตวัดกลับมาจ้องหน้ากันและกัน แต่บรรยากาศมาคุนั้นก็ถูกทำลายด้วยเสียงที่ทุกคนหวังจะได้ยินมานาน


“อ้ากกกก หายสักที!!!”



-7-

หลานเหอโวยวายโหวกเหวกอีกหลายคำก่อนจะสงบสติอารมณ์มานั่งเล่าเหตุการณ์แบบช็อตต่อช็อตได้ เรื่องของเรื่องมันเริ่มจากที่เขากำลังเล่นเกมตามปกติแล้วจู่ๆ ภาพหน้าจอก็รวน แผงควบคุมทั้งหมดหายออกไปจากการแสดงผล รวมถึงเสียงพูดคุยและบับเบิ้ลข้อความก็หายไปหมด เหลือแต่กล่องข้อความว่างเปล่าและมุมมองของตัวละคร

แต่ที่แย่ที่สุดมันไม่ใช่ตรงนั้น...ที่แย่ที่สุดคือระบบได้ทำการแยกร่างตัวละครจอมยุทธ์ดาบของเขาเป็นสามคน คนหนึ่งอยู่ที่เดิม อีกคนไปโผล่ที่ป่าเพียงรู้ อีกคนไปโผล่ที่แผ่นดินเร่ร่อน

แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับหน้าจอที่ปกติแสดงผลได้แค่หนึ่งไอดี...


“หมายความว่าจู่ๆ หน้าจอก็ตัดสลับย้ายไปมาระหว่างตัวละครทั้งสามอย่างงั้นเหรอ” ชุนอี้เหล่าถามขณะที่พยายามย่อยข้อมูล

“ประมาณนั้น...ผมเสียวแทบตาย เพราะมันก็เหมือนล็อกอินทิ้งไว้กลางแม็พ ขืนตายกลับนครจุลภาคนี่จะยากกว่าเดิมอีก แถมจะล็อกเอาต์ก็ไม่กล้ากลัวข้อมูลมีปัญหา”

“แล้วนายรู้ได้ไงว่าเอาตัวละครมารวมๆ กันแล้วมันจะหาย” คำถามนี้เป็นของเชอเฉียนจื่อ

“จะไปรู้ได้ยังไงเล่า แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้ยืนเคว้งๆ รอใครไม่รู้มาตบกลับจุดเซฟไหมล่ะ” หลานเหอถอนหายใจ ก่อนหันขวับไปมองเจ้าของคำถาม “เฮ้ย ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับนาย หึ จงเฉ่าถังจะพูดอะไรก็พูดได้สินะ ได้ยินเหมือนเพิ่งโดนท่านเทพเหยียบจมดินมาไม่ใช่หรือ”

“แล้วทางหลานซีเก๋อไม่ยิ่งจมดินกว่าหรือไง โอ๋ๆ ไม่ร้องนะเสี่ยวหลาน สถิติแตกเละเทะ PKก็หมดรูป จมจนหาที่ขุดไม่เจอแล้วมั้ง”


หลานเหอรู้สึกความดันขึ้นทันทีพร้อมจะอ้าปากสวมวิญญาณอริยดาบพ่นกลับไปบ้าง แต่แล้วก็มีเสียงกระแอมเบาๆ ดังขึ้น

ชุนอี้เหล่าและเยี่ยซิวยืนมองหัวกิลด์เซิร์ฟเวอร์สิบสองคนเถียงกันด้วยสายตาว่างเปล่า ถึงตรงนี้เด็กหนุ่มก็นึกอยากจะกัดลิ้นตัวเองแล้วพุ่งเข้าไปขย้ำคอเชอเฉียนจื่อมากมายมหาศาล


อ้ากกกกกกกกกกก มาชวนเขาตีกันเป็นเด็กๆ ต่อหน้าหัวหน้ากับท่านเทพแบบนี้ได้ยังไง ไอ้บ้าเชอเฉียนจื่อ!!


หลานเหอหวีดร้องในใจก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นท่าทางสงบเสงี่ยม


“ว่าแต่ คุณส่งข้อความหาฉันทำไม” จวินม่อเซี่ยวที่เงียบมานานเอ่ยขึ้นในที่สุด

“ผมคิดว่าบั๊กแบบนี้อาจจะเคยมีมาก่อนเลยจะลองถามคนที่เล่นเกมมานานดู แต่ผมนึกว่าข้อความส่งไม่ผ่านเสียอีก” พอหันคุยกับจวินม่อเซี่ยว ทั้งน้ำเสียงและสำเนียงก็สุภาพเรียบร้อยขึ้นถนัดหู

“อืม...ก็เลยมาถามฉันก่อนสินะ”

“เฮ้ คุณแน่ใจได้ไงว่าเหล่าหลานถามคุณก่อน” หัวหน้ากิลด์จงเฉ่าถังของเซิร์ฟเวอร์สิบแทรกขึ้น โดยปกติเขาคงไม่อาจหาญเถียงมหาเทพเยี่ยชิวคนนี้...แต่นี่มันกรณีพิเศษ เรื่องที่เกี่ยวกับหลานเหอน่ะเขาไม่ยอมหรอก!

“แล้วถ้าถามคุณ คุณจะมีคำตอบที่ดีให้หลานเหอไหม” จวินม่อเซี่ยวถามกลับไปเนิบๆ


เชอเฉียนจื่ออ้าปากค้างคิดคำโต้เถียงไม่ออก แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นอย่างเรียบง่าย


“มือถือเป็นอะไรหรือเปล่าป๋อหย่วน ฉันโทรกลับไปไม่ติด” ชุนอี้เหล่าพูดเนิบนาบแต่ช่างแฝงไปด้วยความเยาะเย้ยในความรู้สึกคนฟังอีกสองคน

“อ๊า ผมซุ่มซ่ามทำน้ำหกใส่ ตอนนี้เลยผึ่งลมไว้ยังไม่กล้าเปิดเครื่องเลย”

“ไม่เป็นไร ไว้วันเสาร์ค่อยเอาไปซ่อมกัน” ว่าจบก็เหลือบสายตากลับมามองอีกสองคนนิ่ง จวินม่อเซี่ยวหัวเราะในลำคอ

“มีมือถือแท้ๆ แต่ไม่รับสาย น่าเสียดายๆ ดูพึ่งพาได้ยากหน่อยนะ” ชุนอี้เหล่าได้ยินดังนั้นก็หน้าตึงในทันทีแต่ก็คิดคำโต้ตอบไม่ออก ได้แต่กัดฟันแน่นอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์

“เหอะๆ เอางี้ดีกว่า เหล่าหลาน! ตอนเกิดเรื่องนายติดต่อใครเป็นคนแรก!?”


เชอเฉียนจื่อถามโพล่งขึ้นมากลางวง ดวงตาทั้งสามคู่จ้องมองกันเหมือนมีประกายไฟแล่นแปลบปลาบ หลานเหอกะพริบตามองสถานการณ์ตรงหน้าอย่างมึนงง


“ว่าไง”

“นั่นสิ คุณติดต่อใครเป็นคนแรก”


เด็กหนุ่มกวาดตามองทั้งสามคนที่ทำท่าเหมือนจะเริ่มPKมันตรงนี้ได้ทุกวินาทีอย่างลำบากใจก่อนจะค่อยๆ เลื่อนสายตาเลยไปยังทางช่องเขาด้านหลังแล้วเฉลยชื่อบุคคลที่เขาคิดถึงเป็นคนแรกเสมอในยามมีเรื่อง


“ซี่โจว”


...


ตัวละครนักบวชหนุ่มยืนอยู่ตรงนี้มาตั้งแต่เมื่อไรทำไมพวกเขาถึงเพิ่งรับรู้...ซี่โจวก้มศีรษะเล็กน้อยทักทายทุกคนที่หันขวับไปมองตามสายตาของหลานเหอ สีหน้าเรียบเฉยนั้นไม่มีท่าทียินดียินร้ายกับคำตอบแม้แต่น้อย


“ง่า...ก็หมอนี่อยู่กับผมตลอด อะไรๆ ผมก็เรียกซี่โจวจนชินแล้ว เมื่อกี้ผมยังฝากเขาไปเมลถามหน่วยรับแจ้งของบริษัทกลอรี่อยู่เลย” หลานเหออธิบายอุบอิบ “อ๊ะ แล้วซี่โจวฉลาดมาก ผมมองไม่เห็นบับเบิ้ลข้อความและไม่ได้ยินเสียง ซี่โจวเลยเอาอาวุธเขียนเป็นข้อความคุยกันบนพื้นแทน จริงๆ ก็ซี่โจวนี่แหละที่บอกให้ผมลองปรึกษาพวกคุณดู”


พอจบคำอธิบายนั้นก็เป็นจังหวะเงียบกริบอันเนิ่นนาน บรรยากาศอาฆาตเมื่อครู่ปลิวหายวับไปเหลือแต่ความเปล่าเช่นเดียวกับสายตาที่เหม่อมองฟ้า


“ฉัน...กลับไอดีหลักก่อน” ชุนอี้เหล่าทำลายความเงียบเป็นคนแรก

“ฉันเองก็ไปนอนต่อดีกว่า” ตามด้วยจวินม่อเซี่ยวที่ล็อกเอาต์ตามกันไปติดๆ


เหลือแต่เชอเฉียนจื่อที่ยังคงมีสีหน้าว่างเปล่า สักพักก็หันหลังและเดินจากไปไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว หลานเหอเห็นดังนั้นก็งุนงงหนักข้อ หันกลับไปหาที่พึ่งตลอดกาลข้างตัวอย่างที่ทำมาตลอด


“ซี่โจววววววววววววว ทุกคนเป็นอะไรกันหมด?! ฉันทำอะไรผิดเรอะ? โฮโฮโฮ”


ตัวละครนักบวชหนุ่มมองเพื่อนตัวเองโวยวายคร่ำครวญต่อด้วยสายตาเหมือนเดิม เขาพิมพ์ปลอบไปตามพิธีพร้อมกับความคิดหนึ่งดังขึ้นมาชัดเจนในใจ


...ใครก็ได้เอาไอ้พวกบ้านี่ออกไปจากชีวิตตูที...


//จบเถอะ//



TALK

สวัสดีค่า //ไหว้ย่อรอบทิศ
ฟิคนี้เป็นฟิคเฉพาะกิจงานวันเกิดหลานเหอ(แบบเลทๆ) เริ่มต้นเลยก็ไม่มีอะไรมากนอกจากอยากลองเขียนทุกคนอยู่ในซีนเดียวกัน 5555555555555555 ยาก...มาก... //อ้วกเลือด// แต่ชอบจัง การมองตาขวางพูดจาทับถมกันไปมา 55555555 แล้วก็อยากเขียนรีแอคชั่นของหลานเหอที่มีต่อแต่ละคนซึ่งมันไม่เหมือนกันอ้ะ โมเอะจังเลย ฮิฮิฮิ ///////////////
ว่าแต่สุดท้ายเรื่องนี้ซี่โจวเข้าวินสินะ--- แง เรืออเนกประสงค์ ซี่โจวสำนักเวลเวลมีบทแค่ไม่มีกี่ย่อหน้าสุดท้ายแต่แย่งซีนเสมอ 55555555555555 ฮือ แต่ชอบการที่เอะอะอะไรหลานเหอก็โวยวายปรึกษาปรับทุกข์กับซี่โจว พี่จะต้องมองอ่อนน้องและบรรดาหลานเหอเอฟซีแน่ๆ ถถถถถถถถถถ
สุดท้ายนี้ง่วงนอนมากๆ ทอล์กไม่ไหวแบ้ว คร่อก... หวังว่าจะถูกใจกับออลหลานของเรานะคะ ขอบคุณค่า

Tuesday 3 January 2017

[QZGS-OS] Happy new year 2017 (เยี่ยกั่ว :: เยี่ยซิว x เฉินกั่ว)

[QZGS-OS] Happy new year 2017 (เยี่ยกั่ว :: เยี่ยซิว x เฉินกั่ว)

**สคส.ให้คุณเฟล่อน(@felon69)ค่า**

วันเทศกาลใดๆ สำหรับเกมเมอร์มันก็มีความสำคัญแค่อีเวนต์พิเศษที่มันจะเพิ่มแลกแจกแถมค่าประสบการณ์ไอเทมหายากหรือลิมิเต็ดอีดิชั่น...ไอ้เรื่องจะไปฉลองเฮฮานอกบ้านน่ะ ลืมๆ ไปเถอะ

เช่นเดียวกับร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ซิงซินแห่งนี้ เฉินกั่วยืนกอดอกมองผลงานติดสายรุ้งที่ขอบกระจกร้านของบรรดาลูกน้องอย่างพอใจ บรรยากาศหนาวๆ ช่วงปีใหม่ช่างเหมาะแก่การเฉลิมฉลองจริงๆ

หญิงสาวหมุนตัวเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์สั่งให้คนเอาอาหารที่ซื้อไว้ไปอุ่น เฉินกั่วซื้อเค้กชิ้นไม่ใหญ่มาเตรียมไว้แล้วด้วย นานทีปีหนหญิงสาวจะนึกครึ้มอกครึ้มใจจัดงานเลี้ยงปีใหม่ นับว่าเป็นข่าวที่ทำเอาคนแตกตื่นกันใหญ่อยู่ช่วงหนึ่ง

เวลาห้าทุ่มตรงบรรดาพนักงานกะบ่ายก็มานั่งรวมกันเตรียมพร้อมรับประทานอาหารมื้อดึก ส่วนกะดึกอย่างเยี่ยซิวก็เดินเอื่อยๆ ลงมาจากชั้นบนพอดี

"กินมื้อดึกกันหรือ"
"ปาร์ตี้ไง ฉลองปีใหม่"

คนตาปรือพยักหน้าหงึกหงักรับรู้สองทีแล้วก็จัดแจงแย่งคนอื่นคีบหมี่ผัดมาหนึ่งจานแล้วหลบเข้าหลังเคาน์เตอร์ เช่นเดียวกับถังโหรวที่อยู่กะบ่ายลุกสลับตัวกับชายหนุ่มแล้วเดินเข้าไปเปิดคอมตัวใหม่

เฉินกั่วถึงกับนิ่งค้างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก

"นี่พวกนายสองคนยังจะเล่นเกมกันอีกหรอ!!"
"...มีเควสต์ปีใหม่น่ะ" ถังโหรวร้องบอกจากโซนเครื่องเล่น นิ้วมือเคาะคีย์บอร์ดเข้าเกมอย่างคุ้นชิน
"อย่างน้อยก็มานั่งกินด้วยกันก่อนมั้ย"
"อ่า..." คราวนี้สาวน้อยเริ่มลังเลแต่มือก็ยังคงขยับไม่หยุด
"โทษทีเจ้านาย แต่มันจะไม่ทันเที่ยงคืน" คราวนี้เยี่ยซิวเป็นฝ่ายตอบเหตุผล

หญิงสาวได้ยินดังนั้นก็พลันเงียบไปไม่เถียงอะไรอีก แต่พนักงานในร้านทักคนกลับสัมผัสได้ถึงค่าความเกลียดชังที่สูงปรี๊ดทะลุเพดานแถมจวนเจียนจะเข้าโหมดร่างคลั่ง

ตักข้าวให้เจ๊เร็ว... รินเบียร์ด้วยๆ... สายตาของคนบนโต๊ะคุยกันหาทางเอาตัวรอด

แต่เฉินกั่วกลับนิ่งสงบกว่าที่ทุกคนคิด เจ้านายนิ่งเงียบไม่พูดอะไรจนน่ากลัวกว่าเดิม ทุกคนจึงตัดสินใจก้มหน้าก้มตาพุ้ยข้าวเข้าปาก แล้วกระซิบคุยเล่นกันไร้สาระลดทอนบรรยากาศอึมครึม

หลังจากกินไปนิดหน่อยหญิงสาวก็ประกาศว่าอิ่มแล้วพร้อมกับรวบตะเกียบวางแล้วเดินขึ้นชั้นสองไป

เฉินกั่วโกรธ...แต่ที่มากกว่าคือรู้สึกน้อยใจ

และที่แย่คือมันเป็นการน้อยใจที่ตัวเองสำคัญน้อยกว่าเกม

หญิงสาวโตมากับการต่อสู้โชคชะตาชีวิต คนที่ลาออกมาทำงานดูแลร้านตั้งแต่อายุยังน้อยย่อมไม่มีอารมณ์อ่อนไหวกับเรื่องเล็กน้อย อะไรที่หนักหนากว่านี้เธอก็สัมผัสมาหมดแล้ว

แต่ครั้งนี้เธอรู้สึกแย่จริงๆ

เจ้าของร้านสาวเดินออกมาที่ระเบียง ภายนอกปกคลุมด้วยหิมะหนาเป็นนิ้ว เธอเป่าควันออกมาจากปากแล้วยืนมองมันสลายหายไป

เฉินกั่วไม่ได้เหงา...เธอแค่โหยหา 'ครอบครัว'

นานแล้วที่ไม่ได้รู้สึกว่ารอบตัวมันวุ่นวายขนาดนี้ มีคนให้เป็นห่วง ให้ปวดหัวมากขนาดนี้

เยี่ยซิว ไอ้คนไม่ได้เรื่อง

เธอก่นด่าอีกฝ่ายในใจพร้อมกับห่อตัวต้านกับอากาศหนาวเย็น

ตั้งแต่ชายหนุ่มโผล่มาก็สร้างแต่เรื่อง แถมยังลากถังโหรวเสียผู้เสียคนตามตัวเองไปอีก...ถังโหรวน่ะ ไม่เคยทำให้เธองอนมาก่อนเลยนะ

เฉินกั่วสูดจมูก อากาศเย็นมากไป...เธอเริ่มแสบจมูกแสบตาแล้ว

แต่ก่อนที่หญิงสาวจะได้ขยับตัวออกมาจากระเบียงก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นด้านหลัง แล้วเค้กชิ้นหนึ่งก็ถูกยื่นมาตรงหน้า

"เจ้านาย ไม่หนาวเหรอ"

คนที่ยื่นเค้กมาตรงหน้าบอกเสียงอ่อน

"ไม่หนาว...ไม่เล่นเกมต่อแล้วเหรอ"
"เก็บเควสต์เสร็จแล้ว" เยี่ยซิวตอบแล้วก็นิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะพูดเสริม "ทันเคาน์ดาวน์ด้วย"

เฉินกั่วนิ่งไปกับประโยคหลัง

"รีบลงไปข้างล่างเถอะ ทุกคนรอเคาน์ดาวน์อยู่"

หญิงสาวจ้องหน้าเค้กช็อกโกแลตที่เริ่มมีเกล็ดหิมะปลิวมาติดก่อนจะพยักหน้า แต่ไม่ทันจะตอบอะไรเสียงพลุก็ดังสนั่นจนหูอื้อ แสงสีสว่างตากระจายไปทั่วท้องฟ้า

"อ่ะ ไม่ทันแฮะ happy new year นะเจ้านาย"

เยี่ยซิวโคลงศีรษะ เฉินกั่วยืนอึ้งอยู่ครู่หนึ่งจึงหัวเราะออกมา

"Happy new year"

ชายหนุ่มมองรอยยิ้มของหญิงสาวแล้วนิ่งไป...นานๆ ทีเขาจะได้เห็นมุมนี้ของเจ้านาย แบบนี้สิสมกับใบหน้าสวยหวาน

ว่าแล้วเขาก็เอื้อมมือไปคว้าข้อมืออีกฝ่ายขึ้นมา เฉินกั่วสะดุ้ง จ้องการกระทำนั้นอย่างทำอะไรไม่ถูก

เยี่ยซิวยิ้มตอบ

...แล้วยัดจานเค้กใส่มือ

"เจ้านาย รีบลงไปล่ะ ทุกคนรอเจ้านายตัดเค้กแจกอยู่นะ"

ว่าจบก็หมุนตัวก้าวขาเดินออกไปด้วยท่าทีเหมือนมีธุระด่วน

"...ล แล้วนั่นนายจะไปไหน?"
"ไปทำเควสต์ต่อ" ชายหนุ่มตะโกนตอบกลับมา "เที่ยงคืนแล้ว รีเซ็ตแล้ว"

เฉินกั่วยืนอึ้งทึ่งประมวลผล จ้องเค้กในมือตัวเองสลับกับแผ่นหลังของคนที่วิ่งตึงตังลงบันไดไป

...แล้วกรงเล็บกับเขี้ยวก็ค่อยๆ งอกยาวพร้อมกับรังสีอำมหิตที่กำจายครอบคลุมร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ซิงซิน

"เยี่ยซิว!!!!!!!"



::talk::

ฟิคเรื่องนี้เราเขียนให้คุณเฟล่อนเป็นเทรดสคส.นะคะ ได้รับการอนุญาตให้เอามาลงพับลิกได้

เพิ่งเคยเขียนเยี่ยกั่ว...ก็อยากต่อยหน้าพี่อีกแล้ว ฮือ55555555 ชะตากรรมเดียวกับหลานเหอเลย เจ๊สู้ๆ!! แต่เราชอบโมเมนต์เยี่ยกั่วที่พี่กวนประสาทเจ๊ แง น่ารักอ่ะ //เจ๊ก็โกรธจนระเบิดไป...ไม่ใช่เขินจนระเบิด

สวัสดีปีใหม่ทุกคนอีกทีนะคะ หวังว่าจะชอบเยี่ยกั่วปีใหม่ของเรานะคะ ขอบคุณค่า