Sunday 12 June 2016

[fic] 「緣分」 fate 00 (15 :: จางฉี่ซาน,อู๋เหลาโก่ว)


「緣分」

fate




Fandom : Dao Mu Bi Ji (บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน)

Pairing : 15 (จางฉี่ซาน,อู๋เหลาโก่ว)

Rate : G

Timeline : ช่วงปี1960-1963

***ตัวอย่างของรวมเล่มที่จะออกในงานDMBJonly event2 28/8/59***

แบบสอบถามความสนใจ+รายละเอียดค่ะ >> https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSfZokZ6TKMev2-oNPyhfYMPvrmB4TDHrwEnpPdWVCocyIIx1g/viewform





00







อาคารอิฐฉาบปูนหลังใหญ่ซึ่งถูกล้อมด้วยรั้วหนามยืนตระหง่านอยู่ท่ามกลางสายหมอกที่ทิ้งตัวลงต่ำตามความชื้นแฉะของอากาศ เสียงฝีเท้ากระทบพื้นกรวดจำนวนมากดังไปทั่วลานกว้างด้านใน สุนัขตัวใหญ่ยักษ์หลายพันธุ์วิ่งเรียงกันเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบโดยไม่ส่งเสียงเห่า




“หดหู่จังนะ...”




เสียงแหบเปรยขึ้นเบาๆ จากคนที่กำลังยืนเหม่อมองท้องฟ้าสีเทาขมุกขมัว




“นั่นสิ” อีกเสียงตอบก่อนจะทำเสียงขึ้นจมูก “จะตายเมื่อไร คงได้แต่นับเม็ดข้าวสารรอ”

“...ทางนั้นเขาไม่เอาเราแล้วนี่”

“ก็ไม่น่าแปลก ทุกวันนี้ก็เหมือนหมาบ้า กัดกับฝูงอื่นเสร็จก็หันมากัดกันเอง ไม่ได้คิดเลยว่าอาจจะอดตายก่อนโดนขย้ำคอหอย”

“พูดถึงอดตาย...คนที่บ้านเก่าข้าเพิ่งย้ายเข้ามาหังโจว บอกจะให้หางานให้ อยู่นู่นทำนาก็อดตาย สู้เข้าเมืองมาเสี่ยงดวงเอาเขาว่าอาจจะดี” ว่าพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เขาที่ว่านั่นมันใครกันล่ะวะ ในเมืองตอนนี้ก็มีแต่คนตกงานแต่ไม่มีงาน ไอ้การพัฒนายี่สิบปีในหนึ่งวันอะไรนั่นมันก็แค่ขายฝันลมๆ แล้งๆ”




คำพูดแบบกระแทกกระทั้นใส่อารมณ์นั้นเต็มไปด้วยความสิ้นหวังจนคนฟังอยากจะอ้าปากเข้าผสมโรงต่อด้วยอย่างอัดอั้นถ้าไม่ติดว่ามีเสียงกระแอมไอดังขึ้นจากด้านหลัง ทั้งคู่สะดุ้งสุดตัวเพราะไม่คิดว่าจะมีใครผ่านเข้ามาได้ยิน อาการลนลานถูกเก็บเอาไว้เหลือเพียงสายตาเลิกลั่ก เหงื่อที่ซึมชื้นตรงขมับและมือที่เลื่อนแตะปืนพกข้างเอว




“สมัยนี้เป็นอย่างไรข้าไม่ใคร่แน่ใจนัก แต่สมัยก่อนพูดจาหมิ่นเบื้องสูงโทษคือจับตัดลิ้น” ชายวัยกลางคนก้าวเข้ามาที่ทางเดินข้างลาน สีหน้าเรียบเฉยนั้นมีแววตำหนิในดวงตาก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากแล้วกล่าวไปคนละเรื่อง “วันนี้ข้าขอตัวก่อนเวลา อีกไม่นานฝนคงลงเม็ด”

“...ครับท่าน” นายทหารคนแรกได้สติโค้งศีรษะให้อีกฝ่ายก่อนพร้อมกับรับคำด้วยเสียงเบาหวิว มือเลื่อนกลับมาอยู่ที่ตะเข็บกางเกงเหมือนเดิม “พวกข้าต้องขออภัยด้วยครับ”

“ขอโทษอะไร ข้าไม่ได้ยินอะไรแม้แต่นิดเดียว”




เจ้าของคำกล่าวนั้นหัวเราะในลำคอแล้วก้าวผ่านหน้าไประยะใกล้เพียงหนึ่งช่วงแขนแต่นายทหารที่ถูกฝึกมาอย่างดีเช่นพวกเขากลับไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าเลยสักนิด ชายผู้นี้ดูภายนอกท่าทางเหมือนคนธรรมดาทั่วไปแต่กลับมีรัศมีบางอย่างที่ชวนให้รู้สึกยำเกรง




“...เกือบไปแล้วไง” ทันทีที่แผ่นหลังนั้นลับตาลมหายใจก็พรูออกมาอย่างโล่งอก

“โชคดีดีที่เป็น ‘คนฝึกหมา’ หากเป็นคนอื่นมาได้ยินพวกเราคงไม่รอด”

“เขาเป็นใครกัน”

“นี่เจ้าไม่เคยได้ยินหรือ” เสียงตอบถูกหรี่ลงไปอีกจนอีกฝ่ายต้องขยับเข้ามาใกล้อย่างสนใจ “เขาว่า ‘คนฝึกหมา’ คนนี้เคยเป็นคนมีชื่อเสียงในฉางซา”

“หืม เจ้าจะบอกว่าคนคนนี้เป็นหนึ่งในตำนานโจรขุดสุสานของฉางซาน่ะหรือ” ถามกลับไปอย่างเหลือเชื่อ “ข้าคิดว่ามันเป็นเรื่องแต่งเล่ากันสนุกๆ เสียอีก”

“จะไปแน่ใจได้หรือ...แต่เท่าที่ดู เขาก็ใช่คนธรรมดาเสียเมื่อไรเล่า “




เสียงพูดคุยที่ดังสะท้อนมุมตึกทำให้ชายผู้ถูกนินทาระยะใกล้ถอนหายใจ...เพิ่งถูกด่าไปยังไม่ทันสิ้นคำดีก็ปากหาเรื่องต่อ มันน่าปล่อยให้ถูกลากคอไปซ้อมสักรอบจะได้เข็ดขยาด




“เรื่องของพวกเรากลายเป็นนิทานหลอกเด็กไปเสียแล้ว” เสียงเห่ารับคำเบาๆ ดังออกมาจากในแขนเสื้อ “แต่ก็ถูกของพวกเขานะ...ถึงตอนนี้แล้ว แม้แต่ตัวข้าเองกับหลายๆ เรื่องก็ยังคิดว่ามันอาจจะเป็นแค่ความฝัน”




นอกรั้วหนามที่ถูกเลื่อนเปิดให้นั้นเริ่มมีหยดน้ำเล็กๆ โปรยปรายลงมาดังคำกล่าวเมื่อก่อนหน้านี้ เขาปฏิเสธคำเสนอที่จะนำรถไปส่งให้ในตัวเมืองของนายทหารที่เฝ้าประจำการอยู่อย่างสุภาพก่อนจะก้าวเดินออกไปกลางฝนหมอกที่ทำให้ภาพเบื้องหน้าลางเลือน




“เหมือนเราก็เคยเดินตากฝนด้วยกันแบบนี้เลยนะ กลับบ้านกันเถอะ...ซันชุ่นติง”







TBC...




#ปล่อยของรายสัปดาห์ค่า

No comments:

Post a Comment